ประเทศไทยได้ขจัดการแพร่เชื้อเอชไอวีจากทารกแรกเกิด:
ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่สามารถขจัดช่องทางการแพร่เชื้อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ทารกไม่ติดเชื้อเอชไอวีจากแม่อีกต่อไป
ในช่วงทศวรรษ 1990 อัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกในประเทศไทยนั้นสูงมาก โดยอยู่ที่ 20 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยสามารถลดอัตราการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกลงเหลือเพียง 1.9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2014 ผ่านกลยุทธ์ที่ครอบคลุมซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ภายในปี 2016 ความพยายามของประเทศไทยได้รับการยอมรับทั่วโลกเมื่อสามารถขจัดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญ
ความสำเร็จนี้ส่วนใหญ่มาจากการที่ประเทศไทยยึดมั่นในกลยุทธ์ 4 ประการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยูนิเซฟแนะนำ
แนวทางนี้รวมถึงความพยายามป้องกันเอชไอวีในกลุ่มสตรีวัยเจริญพันธุ์ การสนับสนุนสตรีที่ติดเชื้อเอชไอวีเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ การรักษาเพื่อลดการแพร่เชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก และการดูแลมารดาและเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีอย่างครอบคลุม โครงการถุงยางอนามัย 100% ซึ่งส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ช่วยลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในสตรีวัยเจริญพันธุ์ได้อย่างมาก นอกจากนี้ นโยบายต่างๆ เช่น การตรวจหาเชื้อเอชไอวีโดยสมัครใจ การตรวจหาเชื้อซ้ำในระหว่างตั้งครรภ์ และการเข้าถึงการบำบัดด้วยยาต้านไวรัส (ART) อย่างแพร่หลายสำหรับมารดาที่ติดเชื้อเอชไอวี ถือเป็นสิ่งสำคัญ
ความมุ่งมั่นทางการเมืองและการลงทุนอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในการป้องกันเอชไอวีได้เป็นตัวอย่างระดับโลก โดยแสดงให้เห็นว่าแม้จะเผชิญกับการระบาดของโรค ความพยายามด้านสาธารณสุขที่ทุ่มเทและได้รับการสนับสนุนอย่างดีก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและลดการแพร่เชื้อเอชไอวีได้
